Daily News
น็อคแน่งานนี้ !! แก๊งค์วัยรุ่นที่รุมฟันหนุ่มพิการ หน้าซีดอีกครั้ง หลังทนายความชื่อดังเรียกร้องให้เปลี่ยนชุดตำรวจสอบสวน แล้วได้ผลแบบนี้ !?
16:03
กลายเป็นข่าวที่กระแสแรงไม่เลิกจริงๆ จากกรณีชายวัยรุ่น 6 รายรุมทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ วัย 36 ปี ทำให้เสียชีวิต ภายหลังทราบว่าผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเป็นลูกตำรวจในพื้นที่ ล่าสุดเฟซบุ๊ก "สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของทนายความชื่อดัง เมื่อเวลา 21.59 น. ของวันที่ 6 พ.ค. 2559 ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า "ชี้ช่องคดี"ร่วมกันฆ่าชายพิการ"ขอโอนคดีมาที่ กองปราบปรามได้ !!!! คดี" ร่วมกันฆ่าชายพิการ" ที่ท้องที่ตำรวจ นครบาลแห่งหนึ่ง ย่านโชคชัยนั้น จากข้อเท็จ จริงพบว่า ตัวผู้ต้องหาในกลุ่มนั้น มีบิดา เป็น ตร.ในท้องที่เกิดเหตุ ดังนั้น เชื่อว่าการลูบหน้า ปะจมูกก็อาจเกิดขึ้น และเป็นเรื่องคาดหมาย ได้ อาจจะเกิดขึ้น หรือ ไม่เกิดขึ้นก็ได้ ทั้งยัง สร้างความกดดัน เกิดแก่ทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่ พนักงานสอบสวน และ ผู้บังคับบัญชาของ ตำรวจ ซึ่งเป็นบิดาผู้ต้องหา ในคดีอุกฉกรรจ์ ที่เกิดขึ้น จนเกิดกระแสหวาดระแวง วิพากษ์ วิจารณ์ กันอย่างสนั่นทางโซเชี่ยล โดยมิอาจ หลีกเลี่ยงได้ ทั้งความหวาดระแวงต่างๆ ซึ่ง เกิดแก่ครอบครัว ของผู้เสียหาย ในขณะนี้!!!!!! .....
กระผม มีทางออกในการชี้แนะ เพื่อปลด ล๊อค ความหวาดระแวง หรือ ความเคลือบ แคลงสงสัยนี้ ให้ลดลงได้ โดยให้ทายาท ของผู้เสียหายในคดีนี้ ไปยื่นคำร้องต่อท่าน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอโอน สำนวนคดีนี้จาก ตำรวจนครบาล ท้องที่เกิดเหตุ เนื่องจากบิดา ของผู้ต้องหา นั้น รับราชการแห่งเดียว กับท้อง ที่เกิดเหตุ !!!!!!! .......
.ให้ยื่นคำร้อง ขอให้ท่านผบ.ตร. มีคำสั่ง ให้ โอนสำนวนคดีนี้ มายังกองปราบปราม กอง บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเร็ว เพื่อ ลดความเคลือบแคลง สงสัยนี้ ให้ลดน้อย ลงหรือหมดสิ้นไป อีกทั้ง การทำงานของตร. กองปราบปรามนี้ มิได้มีความคุ้นเคยกับผู้หนึ่ง ผู้ใดในคดีนี้ และ เพื่อประโยชน์แห่งความยุตื ธรรม จากประสบการณ์ตรงนั้นเคยขอโอน สำนวนคดีได้ ตลอดจนประชาชนเชื่อมั่นใน กองปราบปราม มิใช่แห่งเดียวกันกับบิดาของ ผู้ต้องหาแต่อย่างใด?!!!! และโปรดแชร์ต่อๆกัน (กดติดตามข่าวสาร)" ขณะเดียวกันในโลกออนไลน์ก็มีการแชร์ภาพที่ระบุประมาณว่า "ขอเรียกร้องให้ สน.โชคชัย ส่งคดี 6 วัยรุ่นฆ่าคนพิการให้หน่วยงานอื่นมาทำคดีแทน" เช่นกัน ซึ่งมีกระแสการตอบรับจากชาวเน็ตจำนวนมาก
0 comments